ชุดตรวจสารเสพติด
ติดต่อสั่งซื้อชุดตรวจสารเสพติดได้ที่ : xxx
คำแนะนำ : ท่านที่ต้องการทราบรายละเอียด ชุดตรวจสารเสพติด สามารถคลิกที่ชื่อและรูปภาพ ชุดตรวจนั้นๆได้เลยครับ
รายละเอียด ชุดตรวจสารเสพติด
ชุดตรวจหาสารเสพติดหาสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ
เมทแอมเฟตามีน เป็นชุดตรวจยาบ้า (methamphetamine) ที่ถูกกำจัดออกจากร่างกายทางปัสสาวะ โดยวิธีการอย่างง่าย ให้ผลการทดสอบเชิงคุณภาพที่มีความไวและ แม่นยำสูง แม้จะมีปริมาณเล็กน้อย เพียง 1,000 นาโนกรัมต่อมิลลิตร และยังสามารถตรวจพบได้หลังจากหยุดเสพยานาน 3-5 วัน สามารถทราบผลการทดสอบได้รวดเร็วภายในเวลา 5 นาทีผลิตขึ้นตามมาตรฐาน ISO 9001:2000
วิธีการทดสอบ
1.นำแถบทดสอบออกจากซองบรรจุ
2.จุ่มแถบทดสอบลงในปัสสาวะ โดยหยดตรงหลุมที่ระบุไว้ตรงส่วนปลายของแถบ ทดสอบ ( ดังภาพ )
3.รออ่านผลที่เวลา 5 นาที
2.จุ่มแถบทดสอบลงในปัสสาวะ โดยหยดตรงหลุมที่ระบุไว้ตรงส่วนปลายของแถบ ทดสอบ ( ดังภาพ )
3.รออ่านผลที่เวลา 5 นาที
ชุดตรวจสารเสพติด ชนิดหยด
ผลลบ ผลบวก
วิธีการอ่านผล
ผลการทดสอบจะปรากฎดังนี้
1.ผลลบ (ไม่มีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ) มีแถบสีแดงปรากฎขึ้น 2 แถบ
2.ผลบวก (มีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ) มีแถบสีแดงปรากฎขึ้น 1 แถบ เฉพาะแถบด้านบนใกล้ตำแหน่งมือจับ
ผลการทดสอบจะปรากฎดังนี้
1.ผลลบ (ไม่มีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ) มีแถบสีแดงปรากฎขึ้น 2 แถบ
2.ผลบวก (มีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ) มีแถบสีแดงปรากฎขึ้น 1 แถบ เฉพาะแถบด้านบนใกล้ตำแหน่งมือจับ
อุปกรณ์ที่มีในชุดทดสอบ
1. ซองฟลอยด์ บรรจุตลับทดสอบ พร้อมสารป้องกันความชื้น
2. ถ้วยใส่ตัวอย่างปัสสาวะ
3. หลอดหยดสำหรับดูดตัวอย่างปัสสาวะ
4. คู่มือ
1. ซองฟลอยด์ บรรจุตลับทดสอบ พร้อมสารป้องกันความชื้น
2. ถ้วยใส่ตัวอย่างปัสสาวะ
3. หลอดหยดสำหรับดูดตัวอย่างปัสสาวะ
4. คู่มือ
อุปกรณ์ที่ต้องหาเพิ่ม
นาฬิกาจับเวลา
นาฬิกาจับเวลา
แบบตลับทดสอบ
1. นำปัสสาวะของผู้ที่ต้องการตรวจมาใส่ในภาชนะที่สะอาด
2. ฉีกซองฟลอยด์ที่บรรจุแถบทดสอบออกมา วางบนพื้นราบที่สะอาด
3. ใช้หลอดดูดที่แนบมา ดูดปัสสาวะจำนวน 3 หยด หยดลงช่องใส่ตัวอย่างทดสอบ (S) บนตัวตลับ 4. ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
5. เมื่อครบเวลาให้สังเกตุแถบสีที่เกิดขึ้นที่ช่องอ่านผลบริเวณส่วนกลางของตลับทดสอบ
1. นำปัสสาวะของผู้ที่ต้องการตรวจมาใส่ในภาชนะที่สะอาด
2. ฉีกซองฟลอยด์ที่บรรจุแถบทดสอบออกมา วางบนพื้นราบที่สะอาด
3. ใช้หลอดดูดที่แนบมา ดูดปัสสาวะจำนวน 3 หยด หยดลงช่องใส่ตัวอย่างทดสอบ (S) บนตัวตลับ 4. ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
5. เมื่อครบเวลาให้สังเกตุแถบสีที่เกิดขึ้นที่ช่องอ่านผลบริเวณส่วนกลางของตลับทดสอบ
ข้อสังเกตุ
1.เนื่องจากเป็นวิธี competitive binding ดังนั้นการแปลผลจะกลับกันกับวิธีโดยทั่วไป
2.แถบสีของเส้นล่าง (T)ที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถทำให้มีความเข้มเหมือนกับวิธีแปรปกติได้ (เช่นชุดตรวจการตั้งครรภ์ เป็นต้น ) เพราะเน้นหาการตรวจสารที่ต่ำ ๆ การเพิ่มสีให้มากขึ้นจะเป็นการเพิ่มโอกาสของ False negative
3.แถบตรวจเป็นแบบเคลือบแห้งและไวต่อความชื้นในบรรยากาศ ดังนั้นไม่ควรฉีกซองแถบตรวจไว้เวลานานและแถบตรวจอาจจะเสื่อมคุณภาพได้ ควรเตรียมตัวอย่างให้พร้อมแล้วฉีกซองเพื่อทำการทดสอบ
1.เนื่องจากเป็นวิธี competitive binding ดังนั้นการแปลผลจะกลับกันกับวิธีโดยทั่วไป
2.แถบสีของเส้นล่าง (T)ที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถทำให้มีความเข้มเหมือนกับวิธีแปรปกติได้ (เช่นชุดตรวจการตั้งครรภ์ เป็นต้น ) เพราะเน้นหาการตรวจสารที่ต่ำ ๆ การเพิ่มสีให้มากขึ้นจะเป็นการเพิ่มโอกาสของ False negative
3.แถบตรวจเป็นแบบเคลือบแห้งและไวต่อความชื้นในบรรยากาศ ดังนั้นไม่ควรฉีกซองแถบตรวจไว้เวลานานและแถบตรวจอาจจะเสื่อมคุณภาพได้ ควรเตรียมตัวอย่างให้พร้อมแล้วฉีกซองเพื่อทำการทดสอบ
หมายเหตุ
หากไม่ปรากฎแถบสีใด ๆ อาจเป็นเพราะจุ่มแถบตรวจลงในปัสสาวะเกินขีดที่กำหนด หรือจุ่มแถบตรวจผิดด้าน ให้ทำการทดสอบโดยใช้แถบทดสอบใหม่
หากไม่ปรากฎแถบสีใด ๆ อาจเป็นเพราะจุ่มแถบตรวจลงในปัสสาวะเกินขีดที่กำหนด หรือจุ่มแถบตรวจผิดด้าน ให้ทำการทดสอบโดยใช้แถบทดสอบใหม่
ข้อควรระวัง
1.ควรเก็บแผ่นทดสอบไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรเก็บไว้ในที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
2.ควรอ่านวิธีใช้การทดสอบให้เข้าใจก่อนทำการทดสอบและปฎิบัติตามทุกขั้นตอน
3.อย่าฉีกซองหรือนำแผ่นทดสอบออกจากซองจนกว่าจะพร้อมทำการทดสอบ ปัสสาวะที่ใช้ควรเป็นปัสสาวะที่ใหม่เสมอ
1.ควรเก็บแผ่นทดสอบไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรเก็บไว้ในที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
2.ควรอ่านวิธีใช้การทดสอบให้เข้าใจก่อนทำการทดสอบและปฎิบัติตามทุกขั้นตอน
3.อย่าฉีกซองหรือนำแผ่นทดสอบออกจากซองจนกว่าจะพร้อมทำการทดสอบ ปัสสาวะที่ใช้ควรเป็นปัสสาวะที่ใหม่เสมอ
สรุปผลการทดสอบ
1.ตัวอย่างปัสสาวะที่มี Methamphetamine หรือ Amphetamine จะให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง
2.ยา Pseudoephedrine ให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง เช่นกัน แต่เฉพาะยา Chlorpheniramine (ยาแก้หวัด) และ Dextromethorpham (ยาแก้ไอ) เท่านั้น ที่ให้ผลบวกกับชุดทดสอบยาบ้าของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
3.เครื่องดื่มที่มี Caffeine และยาแก้ปวดที่นิยมใช้ (Aspirin Paracetamol)ไม่ให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง
2.ยา Pseudoephedrine ให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง เช่นกัน แต่เฉพาะยา Chlorpheniramine (ยาแก้หวัด) และ Dextromethorpham (ยาแก้ไอ) เท่านั้น ที่ให้ผลบวกกับชุดทดสอบยาบ้าของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
3.เครื่องดื่มที่มี Caffeine และยาแก้ปวดที่นิยมใช้ (Aspirin Paracetamol)ไม่ให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง
ชุดตรวจสอบสามารถตรวจหาสารเสพติดในแต่ละชนิด ได้แก่
1.ยาบ้า methamphetamine / Amphetamine
2.กัญชา marijuana/THC/Cannabinol
3.เฮโรอีน Heroine/morphine/opiates
4.โคเคน Cocaine
5.ยาอี Esctasy
2.กัญชา marijuana/THC/Cannabinol
3.เฮโรอีน Heroine/morphine/opiates
4.โคเคน Cocaine
5.ยาอี Esctasy
วีดีโอ วิธีการใช้ชุดตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ
ชุดตรวจสารเสพติด กัญชา
การอ่านผล
วิธีการอ่านผล
ผลการทดสอบจะปรากฎดังนี้
1.ผลลบ (ไม่มีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ) มีแถบสีแดงปรากฎขึ้น 2 แถบ
2.ผลบวก (มีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะในปัสสาวะ) มีแถบสีแดงปรากฎขึ้น 1 แถบ เฉพาะแถบด้านบนใกล้ตำแหน่งมือจับ
ผลการทดสอบจะปรากฎดังนี้
1.ผลลบ (ไม่มีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ) มีแถบสีแดงปรากฎขึ้น 2 แถบ
2.ผลบวก (มีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะในปัสสาวะ) มีแถบสีแดงปรากฎขึ้น 1 แถบ เฉพาะแถบด้านบนใกล้ตำแหน่งมือจับ
ไม่มีสารเสพติด มีสารเสพติด
อุปกรณ์ที่มีในชุดทดสอบ
1. ซองฟลอยด์ บรรจุตลับทดสอบ พร้อมสารป้องกันความชื้น
2. ถ้วยใส่ตัวอย่างปัสสาวะ
3. หลอดหยดสำหรับดูดตัวอย่างปัสสาวะ
4. คู่มือ
1. ซองฟลอยด์ บรรจุตลับทดสอบ พร้อมสารป้องกันความชื้น
2. ถ้วยใส่ตัวอย่างปัสสาวะ
3. หลอดหยดสำหรับดูดตัวอย่างปัสสาวะ
4. คู่มือ
อุปกรณ์ที่ต้องหาเพิ่ม
นาฬิกาจับเวลา
นาฬิกาจับเวลา
แบบตลับทดสอบ
1. นำปัสสาวะของผู้ที่ต้องการตรวจมาใส่ในภาชนะที่สะอาด
2. ฉีกซองฟลอยด์ที่บรรจุแถบทดสอบออกมา วางบนพื้นราบที่สะอาด
3. ใช้หลอดดูดที่แนบมา ดูดปัสสาวะจำนวน 3 หยด หยดลงช่องใส่ตัวอย่างทดสอบ (S) บนตัวตลับ
4. ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
5. เมื่อครบเวลาให้สังเกตุแถบสีที่เกิดขึ้นที่ช่องอ่านผลบริเวณส่วนกลางของตลับทดสอบ
1. นำปัสสาวะของผู้ที่ต้องการตรวจมาใส่ในภาชนะที่สะอาด
2. ฉีกซองฟลอยด์ที่บรรจุแถบทดสอบออกมา วางบนพื้นราบที่สะอาด
3. ใช้หลอดดูดที่แนบมา ดูดปัสสาวะจำนวน 3 หยด หยดลงช่องใส่ตัวอย่างทดสอบ (S) บนตัวตลับ
4. ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
5. เมื่อครบเวลาให้สังเกตุแถบสีที่เกิดขึ้นที่ช่องอ่านผลบริเวณส่วนกลางของตลับทดสอบ
ข้อสังเกตุ
1.เนื่องจากเป็นวิธี competitive binding ดังนั้นการแปลผลจะกลับกันกับวิธีโดยทั่วไป
2.แถบสีของเส้นล่าง (T)ที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถทำให้มีความเข้มเหมือนกับวิธีแปรปกติได้ (เช่นชุดตรวจการตั้งครรภ์ เป็นต้น ) เพราะเน้นหาการตรวจสารที่ต่ำ ๆ การเพิ่มสีให้มากขึ้นจะเป็นการเพิ่มโอกาสของ False negative
3.แถบตรวจเป็นแบบเคลือบแห้งและไวต่อความชื้นในบรรยากาศ ดังนั้นไม่ควรฉีกซองแถบตรวจไว้เวลานานและแถบตรวจอาจจะเสื่อมคุณภาพได้ ควรเตรียมตัวอย่างให้พร้อมแล้วฉีกซองเพื่อทำการทดสอบ
1.เนื่องจากเป็นวิธี competitive binding ดังนั้นการแปลผลจะกลับกันกับวิธีโดยทั่วไป
2.แถบสีของเส้นล่าง (T)ที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถทำให้มีความเข้มเหมือนกับวิธีแปรปกติได้ (เช่นชุดตรวจการตั้งครรภ์ เป็นต้น ) เพราะเน้นหาการตรวจสารที่ต่ำ ๆ การเพิ่มสีให้มากขึ้นจะเป็นการเพิ่มโอกาสของ False negative
3.แถบตรวจเป็นแบบเคลือบแห้งและไวต่อความชื้นในบรรยากาศ ดังนั้นไม่ควรฉีกซองแถบตรวจไว้เวลานานและแถบตรวจอาจจะเสื่อมคุณภาพได้ ควรเตรียมตัวอย่างให้พร้อมแล้วฉีกซองเพื่อทำการทดสอบ
หมายเหตุ
หากไม่ปรากฎแถบสีใด ๆ อาจเป็นเพราะจุ่มแถบตรวจลงในปัสสาวะเกินขีดที่กำหนด หรือจุ่มแถบตรวจผิดด้าน ให้ทำการทดสอบโดยใช้แถบทดสอบใหม่
หากไม่ปรากฎแถบสีใด ๆ อาจเป็นเพราะจุ่มแถบตรวจลงในปัสสาวะเกินขีดที่กำหนด หรือจุ่มแถบตรวจผิดด้าน ให้ทำการทดสอบโดยใช้แถบทดสอบใหม่
ข้อควรระวัง
1.ควรเก็บแผ่นทดสอบไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรเก็บไว้ในที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
2.ควรอ่านวิธีใช้การทดสอบให้เข้าใจก่อนทำการทดสอบและปฎิบัติตามทุกขั้นตอน
3.อย่าฉีกซองหรือนำแผ่นทดสอบออกจากซองจนกว่าจะพร้อมทำการทดสอบ ปัสสาวะที่ใช้ควรเป็นปัสสาวะที่ใหม่เสมอ
1.ควรเก็บแผ่นทดสอบไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรเก็บไว้ในที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
2.ควรอ่านวิธีใช้การทดสอบให้เข้าใจก่อนทำการทดสอบและปฎิบัติตามทุกขั้นตอน
3.อย่าฉีกซองหรือนำแผ่นทดสอบออกจากซองจนกว่าจะพร้อมทำการทดสอบ ปัสสาวะที่ใช้ควรเป็นปัสสาวะที่ใหม่เสมอ
สรุปผลการทดสอบ
1.ตัวอย่างปัสสาวะที่มี Methamphetamine หรือ Amphetamine จะให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง
2.ยา Pseudoephedrine ให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง เช่นกัน แต่เฉพาะยา Chlorpheniramine (ยาแก้หวัด) และ Dextromethorpham (ยาแก้ไอ) เท่านั้น ที่ให้ผลบวกกับชุดทดสอบยาบ้าของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
3.เครื่องดื่มที่มี Caffeine และยาแก้ปวดที่นิยมใช้ (Aspirin Paracetamol)ไม่ให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง
2.ยา Pseudoephedrine ให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง เช่นกัน แต่เฉพาะยา Chlorpheniramine (ยาแก้หวัด) และ Dextromethorpham (ยาแก้ไอ) เท่านั้น ที่ให้ผลบวกกับชุดทดสอบยาบ้าของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
3.เครื่องดื่มที่มี Caffeine และยาแก้ปวดที่นิยมใช้ (Aspirin Paracetamol)ไม่ให้ผลบวกกับชุดทดสอบทั้งสอง
ชุดตรวจสอบสามารถตรวจหาสารเสพติดในแต่ละชนิด ได้แก่
1.ยาบ้า methamphetamine / Amphetamine2.กัญชา marijuana/THC/Cannabinol
3.เฮโรอีน Heroine/morphine/opiates
4.โคเคน Cocaine
5.ยาอี Esctasy
ชุดตรวจสารเสพติด Duo
Mate และ Mor สามารถอ่านผลด้วยตาเปล่า ใช้สำหรับตรวจผลตรวจสอบเมทแอมเฟตามีน ฝิ่น โคเคน กัญชา เฮโลอีน ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วในการทดสอบ
การใช้ยาเสพติดในประชาชนทั่วไปยังคงเพิ่มขึ้น มีการใช้ยาในสถานที่ทำงานโดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของสาธารณะชน วิธีการต่างๆ ที่ใช้สำหรับตรวจสารเสพติดหลายชนิด รวมถึงความแม่นยำ ถูกต้อง และความไวของผลการทดสอบ มีการอ่าผลได้ชัดเจน
อุปกรณ์ชุดตรวจ :
1. ตลับทดสอบแยกบรรจุในซองอลูมิเนียมปิดผนึก
2. สารดูดความชื้น
3. หลอดหยด
การเก็บรักษา :
เก็บชุดทดสอบไว้ไนที่มีอุณหภูมิ 4-30 c . ห้ามแช่แข็งสามารถใช้ได้ถึงวันหมดอายุ
วิธีทำการทดสอบ :
1. นำตลับทดสอบออกจากซองบรรจุมาวางบนพื้นราบที่สะอาด
2. ตั้งหลอดหยดให้ตรง หยดปัสสาวะลงหลุมหลุมละ 2 หยดช้าๆ
3. รออ่านผล 5 วินาที
มอร์ฟีนและเมทแอมเฟตามีน มีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบปราสาทในลักษณะเดียวกัน สารทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นสารควบคุมตามประกาศของ เจเอสพี เมทแอมเฟตามีน มอร์ฟีน ดูโอ การ์ด เป็นชุดตรวจชนิดเร็ว มีวิธีการทดสอบที่ง่ายและสะดวก สามารถอ่านผลได้ด้วยตาเปล่า ใช้สำหรับตรวจหาสารเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) และมอร์ฟีนในปัสสาวะได้พร้อมกันในครั้งเดียว โดยสามารถตรวจพบเมทแอมเฟตามีนได้ตั้งแต่ความเข้มข้น 1000 นก./มล. 1 ตลับ มีหน้าต่างอ่านผล 2 ช่อง แยกระหว่างเมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า) และ มอร์ฟีน ฝิ่น กัญชา เฮโลอีน โคเคน แยกออกจากกัน
ข้อจำกัดของการทดสอบ :
1. ชุดทดสอบนี้ออกแบบมาใช้ทดสอบกับปัสสาวะของมนุษย์เท่านั้น
2. บางครั้งอาจมีผลบวกกันสารเมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า)น้อยกว่า 1000 นก./มล.หรือมอร์ฟีนน้อยกว่า 300 นก./มล.
3. บางครั้งอาจมีสารรบกวนจากปัสสาวะ ทำให้ผลตรวจผิดพลาดไป
4. ผลตรวจเป็นเชิงคุณภาพไม่ใช่เชิงปริมาณ
5. สารบางอย่าอาจทำให้เกิดการผิดพลาดเช่น สารฟอกขาว หรือออกซิไดส์ซิ่ง
5. สารบางอย่าอาจทำให้เกิดการผิดพลาดเช่น สารฟอกขาว หรือออกซิไดส์ซิ่ง
เสื้อผ้าแฟชั่น